ในปัจจุบันสภาพแวดล้อมของโลก ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ไม่ค่อยจะดีนัก สาเหตุหลัก มาจากจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมถึงการเกิดขึ้นและเติบโตของเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ ที่เห็นได้ชัดคือทำให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด การพัฒนาเทคโนโลยีส่วนใหญ่มักจะสวนทางกับการรักษาสิ่งแวดล้อมของโลก เช่น การตัดต้นไม้ การปล่อยมลมิษทางอากาศ เป็นต้น จึงทำให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ มากมาย ยกตัวอย่างเช่น ทำให้เกิดสภาพอากาศที่แปรปรวน ความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่มีมากขึ้นทุกวัน ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ประเทศไทยของเราเองก็เช่นเดียวกัน เราจะสามารถสังเกตุเห็นได้ง่ายเลย สังเกตุได้จากเทรนด์การลดการใช้พลาสติกเช่น การยกเลิกให้ถุงใส่ของตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อที่ให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง
สำหรับวงการก่อสร้างนั้นก็ได้มีการนำแนวคิดนี้มาใช้ด้วยเช่นกัน อย่างการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถสังเกตุได้จาก “ฉลากสีเขียว” นั่นเอง
“ฉลากสีเขียว” คืออะไร ?
ฉลากเขียว (Green Label) คือ ฉลากสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ซึ่งมีองค์กรกลางเป็นผู้ให้การรับรองในการติดบนสินค้าเพื่อแสดงให้ผู้บริโภคได้ทราบว่าสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ได้ผ่านการรับรองตั้งแต่กระบวนการผลิต การใช้งาน รวมไปถึงการทิ้งและทำลายที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าสินค้าในประเภทเดียวกันที่ไม่ได้ผ่านการรับรอง ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อหรือใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการสังเกตุจากฉลากสีเขียวที่ติดอยู่บนสินค้า
แนวคิด ฉลากเขียว
ฉลากเขียว เป็นฉลากที่ออกให้กับผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้ผ่านการประเมินและตรวจสอบว่าได้มาตรฐานทางด้านสิ่งแวดล้อมตามข้อกำหนดที่ทางคณะกรรมการนโยบายและบริหารงานฉลากเขียวประกาศใช้
เป็นการสมัครใจของผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย หรือผู้ให้บริการ ที่ต้องการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
ปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีทางด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่ผู้บริโภค โดยการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย และกระตุ้นให้มีการบริโภคผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมากขึ้น
กระตุ้นให้กลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิต หันมาใช้เทคโนโลยีสะอาดเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย
กระตุ้นให้รัฐบาลและเอกชน ร่วมมือกันฟื้นฟูและรักษาสิ่งแวดล้อม ลดปัญหามลภาวะด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค
ฉลากสีเขียวใช้เกณฑ์อะไรเป็นตัวกำหนด ?
ข้อกำหนดของการที่จะได้รับฉลากสีเขียวนั้น สำหรับวัสดุก่อสร้างก็จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันออกไปตามประเภทของสินค้า และผลกระทบที่ส่งผลให้เกิดกับสิ่งแวดล้อม ในเรื่องของการนำไปใช้งาน การนำไปทำลายทิ้ง หรือแม้แต่กระบวนในการนำไปผลิต ซึ่งจะกำหนดได้จากการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการลดมลพิษที่มีผลกระทบหรือส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างวัสดุก่อสร้างประเภทใดบ้างที่ได้รับฉลากสีเขียว
รูปวัสดุก่อสร้าง | ประเภทวัสดุก่อสร้าง | คุณสมบัติฉลากสีเขียว |
ปูนและซีเมนต์ | ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการใช้วัตถุดิบจากธรรมธรรมชาติในกระบวนการผลิต | |
คอนกรีตและกระเบื้องปูพื้น | มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิลนำไปใช้ในการผลิต | |
คอนกรีตผสมเสร็จ | ประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก | |
อิฐ | มีวัสดุหมุนเวียนสามารถนำกลับมาใช้ใหม่แทนวัสดุธรรมชาติ |
ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ฉลากสีเขียว
ประโยชน์ที่เราจะได้รับแน่นอน หากเราเลือกใช้สินค้าและผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง ฉลากสีเขียว เราจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกันรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของโลกให้ดีขึ้น นอกจากนี้การใช้วัสดุก่อสร้างฉลากสีเขียว ก็จะผลิตวัสดุก่อสร้างให้ได้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพมากกว่าวัสดุก่อสร้างทั่วไปในประเภทเดียวกันอีกด้วย และยังปลอดภัยจากสีและสารเคมีที่เป็นอันตราย ที่มีการอ้างอิงจากมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือที่รู้จักกันในชื่อ มอก.
• ด้านประหยัดพลังงานและลดโลกร้อน คือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในด้านการใช้พลังงานหมุนเวียน ลดการใช้พลังงาน และลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
– พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ (Recovered Energy)
– การใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy)
– การใช้พลังงานลดลง (Reduce Energy Consumption)
– การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Reduction)
• ด้านประหยัดทรัพยากรธรรมชาติและยืดอายุการใช้งาน คือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบรรลุเป้าหมายการหมุนเวียน
– การออกแบบให้สามารถแยกประกอบใหม่ได้ (Designed for Disassembly)
– การใช้วัตถุดิบหรือทรัพยากรธรรมชาติลดลง (Reduce Resource Use)
– การใช้วัสดุหมุนเวียน (Renewable Materials)
– การใช้น้ำลดลง (Reduce Water Consumption)
– มีอายุการใช้งานนานขึ้น (Extended Life Product)
– ความสามารถในการใช้ซ้ำหรือบรรจุใหม่ได้ (Reusable or Refillable)
– การลดของเสีย (Waste Reduction)
– สามารถเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้หรือมีส่วนประกอบของวัสดุที่เวียนกลับมาใช้ใหม่ (Recyclable or Recycled Content)
ความสามารถในการสลายเป็นอินทรีย์วัตถุ (Compostable)
• ด้านสุขอนามัยที่ดี คือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยส่งเสริมให้มีสุขอนามัยที่ดี และมีสภาพแวดล้อมมีความเหมาะสมต่อการทำงาน
– มีความเป็นมิตรต่อสุขภาพอนามัย (Health or Hygiene)
– มีคุณสมบัติตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomic Product)
สรุป
หากเราสามารถเลือกซื้อและหันมาใช้สินค้าและผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างที่มีฉลากสีเขียวได้มากขึ้น ก็จะสามารถช่วยลดการทำลายสิ่งแวดล้อมลง ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จะทำให้การอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์ สัตว์ และ ธรรมชาติ เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยลดความรุนแรงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในอนาคตได้อีกด้วย