เหล็กข้ออ้อย คืออะไร
เหล็กข้ออ้อย เป็นเหล็กกลุ่มเดียวกับเหล็กเส้นกลม แต่เหล็กข้ออ้อยจะมีลักษณะเป็นปล้องคล้ายกับอ้อย โดยมีระยะบั้งที่สม่ำเสมอตลอดทั้งเส้น ไม่มีรอยแตกร้าว ซึ่งจะช่วยให้เหล็กยึดเหนี่ยวกับคอนกรีตได้ดี เหมาะสำหรับงานก่อสร้างขนาดกลาง และขนาดใหญ่ จึงนิยมใช้ในงานก่อสร้างที่เน้นโครงสร้างความแข็งแรงสูง เช่น อาคารสูง คอนโดมิเนียม เขื่อนสะพาน และงานก่อสร้างที่ต้องรับแรงอัดมากๆ
การผลิตเหล็กข้ออ้อย SD40T (ที่ผ่านกรรมวิธีทางความร้อน)
การผลิต เหล็กข้ออ้อย นั้นต้องนำเหล็กที่เป็นเส้นหลังจากหลอมด้วยความร้อน มาทำให้ขนาดเล็กลงด้วยการนำไปอบให้เหล็กมีอุณหภูมิสูงขึ้นจนเหล็กอ่อนตัวลง ทำให้เหล็กสามารถรีดเพื่อลดขนาดลงได้ง่ายขึ้น เราเรียกวิธีการนี้ว่า “การรีดร้อน” หลังจากรีดร้อนให้ได้ขนาดตามที่กำหนดแล้ว ในขั้นตอนต่อมานี้เองที่ต่างกัน จากที่เหล็กข้ออ้อยปกติจะปล่อยให้เย็นตัวลงในอุณหภูมิห้อง แต่เหล็กข้ออ้อยที่ผ่านกรรมวิธีทางความร้อนนั้นจะนำเหล็กที่ได้มาทำให้เย็นโดยการฉีดสเปรย์น้ำ ทำให้ผิวเหล็กแข็ง แต่ภายในจะค่อยๆเย็นตัวลงทำให้มีความเหนียว
ผลที่ได้คือเหล็กข้ออ้อยประเภทนี้จะไม่ต้องปรุงแต่งส่วนผสมเหล็ก ทำให้มีธาตุ Carbon และ Manganese น้อยกว่าเหล็กข้ออ้อยทั่วไป เรียกเหล็กข้ออ้อยที่ผ่านกรรมวิธีทางความร้อนนี้ว่า Temp-core Rebar
ด้วยเหตุนี้เอง ทางวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) จึงกำหนดให้ระบุตัว “T” ไว้เพื่อบ่งบอกวิธีการผลิตและเตือนไม่ให้ผู้ใช้งานนำเหล็กข้ออ้อยประเภทนี่ไปใช้ผิด เช่นการกลึงหรือทำให้ผิวของเหล็กข้ออ้อยหายไป ซึ่งจะส่งผลต่อโครงสร้างเสริมเหล็กได้
สั่งซื้อเหล็กข้ออ้อยชั้นคุณภาพของเหล็กข้ออ้อย
เหล็กข้ออ้อยจะแบ่งตามชั้นคุณภาพได้ 3 ประเภท
1. เหล็กข้ออ้อย SD30 จะมีกำลังรับแรงดึงที่จุดครากไม่น้อยกว่า 3000 ksc.
2. เหล็กข้ออ้อย SD40 จะมีกำลังรับแรงดึงที่จุดครากไม่น้อยกว่า 4000 ksc.
3. เหล็กข้ออ้อย SD50 จะมีกำลังรับแรงดึงที่จุดครากไม่น้อยกว่า 5000ksc.
การใช้งานเหล็กข้ออ้อยที่มี T เทียบกับเหล็กข้ออ้อยปกติ
เราทราบกันไปแล้วว่าเหล็กข้ออ้อยที่มี T กับเหล็กข้ออ้อยที่ไม่มี T นั้นแตกต่างกันตรงกระบวนการผลิตที่ทำให้ตำแหน่งความแข็งแรงที่ต่างกัน แล้วการนำไปใช้งานจะแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด โดยเรื่องนี้ รศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้เขียนบทความลงในวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ซึ่งสามารถสรุปใจความสำคัญได้ดังต่อไปนี้
คุณสมบัติทางกล
คุณสมบัติทางกลได้แก่ กำลังดึง ความยืด และการดัดโค้ง ของ เหล็กข้ออ้อย ทั้ง 2 ประเภท จะต้องผ่านการตรวจสอบเพื่อให้คุณสมบัติต่างเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม(มอก.) ดังนั้น จึงหายห่วงเรื่องคุณสมบัติทางกลต่างๆ เพราะเหล็กข้ออ้อยทั้ง 2 ประเภทนี้ ต่างให้คุณสมบัติทางกลไม่ต่างกัน
การต่อเหล็กข้ออ้อย
โดยปกติแล้วการต่อเหล็กจะทำได้โดยการต่อทาบเหล็ก (lapped splice) คือการนำเหล็ก 2 ท่อนมาทาบต่อกันแล้วมัดให้ติดกันด้วยลวดผูกเหล็กเพื่อให้ได้ความยาวของเหล็กข้ออ้อยยาวขึ้น
เหล็กข้ออ้อย กับเหล็กเส้นกลมต่างกันอย่างไร
เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต หรือเหล็กคอนกรีตเสริมเหล็กงานรากฐานทั่วไป จะมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน คือ เหล็กเส้นกลม กับ เหล็กข้ออ้อย
1. เหล็กเส้นกลม
(Round Bar หรือ RB)
เหล็กเส้นกลม (Round Bar หรือ RB) ลักษณะของเหล็กเส้นกลมจะมีผิวเรียบ หน้าตัด เหล็กเป็นเส้นตรงไม่เบี้ยว เหมาะสำหรับงานก่อสร้างที่มีขนาดเล็ก ส่วนมากจะใช้ในงาน ปลอกเสา ปลอกคาน ซึ่งเหล็กเส้นกลมจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 และ 25 มม. และมีความยาวที่ใช้โดยทั่วไปคือ 10 และ 12 ม.
เคล็ดลับการเลือก เหล็กข้ออ้อย
- เส้นผ่านศูนย์กลาง และน้ำหนักของเหล็กเส้นกลม และเหล็กข้ออ้อย ถูกต้อง เช่น SR24 RB6 เมื่อทำการวัดเส้นผ่านศูนย์กลาง จะต้องได้ความหนาที่ 6 มิลลิเมตร น้ำหนักต้องได้ 0.222 กิโลกรัม ต่อ ความยาว 1 เมตร และความยาวทั้งเส้นต้องได้ตามมาตรฐานที่ 10 เมตร ส่วน SD40 DB16 ต้องได้ความหนาที่ 16 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.578 กิโลกรัม ต่อความยาว 1 เมตร ส่วนความยาวต้องได้ 10 เมตร (หรือ 12 เมตร ตามสเปค)
- ผิวของเหล็กเส้น ต้องเรียบ เกลี้ยง ไม่มีคลื่น ปีก และรอยแตก
- หากเป็นเหล็กเส้นกลม หน้าตัดต้องกลม ไม่บิดเบี้ยว ส่วนเหล็กข้ออ้อย ต้องมีระยะบั้งที่เท่ากัน และสม่ำเสมอตลอดทั้งเส้น ไม่มีสนิม รอยตำหนิ รอยปริ และแตกร้าว
- เนื้อเหล็ก ต้องไม่ถูกสนิมกินเข้าไป หรือหากมีสนิมบ้างบนผิวเหล็ก ซึ่งอาจเกิดจากสภาพอากาศของเมืองไทย ตรงนี้ไม่ต้องกังวล
- เมื่อดัดโค้งงอ จะต้องไม่ปริแตก และหักได้ง่าย
สินค้าแนะนำ
สรุป
เหล็กข้ออ้อย ที่มีสัญลักษณ์ตัว “T” เป็นเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตที่ผ่านกรรมวิธีทางความร้อนเท่านั้นโดยยังคงมีชั้นคุณภาพตามที่กำหนดไว้ใน มอก. 24-2559 ทุกประการสมบัติทางกลของเหล็กข้ออ้อยที่ผ่านกรรมวิธีทางความร้อนซึ่งประกอบไปด้วยกำลังดึง ความยืด และการดัดโค้งไม่แตกต่างกับเหล็กข้ออ้อยที่ผลิตจากการปรุงแต่งด้วยธาตุสมรรถนะในการต่อเหล็กเส้นที่ผ่านกรรมวิธีทางความร้อนไม่มีความแตกต่างกับเหล็กข้ออ้อยที่ผลิตจากการปรุงแต่งด้วยธาตุ ทั้งนี้ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และต้องจัดให้มีการทดสอบกำลังดึงของจุดต่อให้เป็น ไปตามมาตรฐาน และหลักปฏิบัติที่ดีความทนทานต่อไฟไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ และหากนำไปใช้เสริมคอนกรีต และกำหนดระยะหุ้มให้เป็นไปตามมาตรฐาน และกฎหมายจะมีสมรรถนะในการต้านทานไฟที่ดี ไม่แตกต่างกัน






